web3 คือ
Web 3 เรียกกันอีกชื่อก็คือ อินเตอร์เน็ตรุ่นที่ 3 คือศัพท์ที่ได้ยินกันบ่อยขึ้นในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมาตามกระแสของ cryptocurrency มาติดๆ Web3 หรือ Web 3.0 คืออะไร กันแน่ นี้เทรนด์ใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้ระบบอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ ก่อนอื่นเลยเรามาดูประวัติศาสตร์ของ ของระบบอินเทอร์เน็ตกันก่อน
อินเทอร์เน็ตในยุคแรก
อินเทอร์เน็ตในการเกิดขึ้นของระบบอินเทอร์เน็ตในยุคแรกนั้นทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าอินเทอร์เน็ตจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเทคโนโลยีใหม่ของชีวิตสมัยใหม่ มันถูกคิดค้นและถูกใช้งานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ที่เรารู้จักในปัจจุบันนี้ค่อนข้างแตกต่างจากที่คิดไว้แต่แรก เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นเราจะแบ่งประวัติโดยย่อของอินเทอร์เน็ตออกเป็นระยะๆ เช่น web 1.0 และ web 2.0 มาดูกันเลย
Web 1.0: Read-Only (2533 -2547)
ในปี 2532 ได้มีผู้ที่คิดค้นระบบ decentralized protocols ที่สามารถทำให้เราแชร์ข้อมูลไปมาสู่กันได้ โดยจะเป็นการส่งข้อมูลข่าวสารในแบบสื่อสารทางเดียว และผู้อ่านสามารถรับสารและอ่านได้อย่างเดียวไม่สามารถโต้ตอบได้ จึงทำให้มีเพียงแค่บริษัทใหญ่ๆเท่านั้นที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ในยุคของ Web 1.0
Web 2.0: Read-Write (2547-ปัจจุบัน)
Web 2.0 เริ่มต้นในปี 2004 ในช่วงที่การเกิดขึ้นของ social media platforms ต่างๆ สิ่งที่ทำให้ web 2.0 พัฒนาขึ้นมาจากเดิมนั้นคือการที่สามารถรับสารและส่งสารได้ทำให้ผู้คนสามารถโต้ตอบกันได้ ทำให้เกิดการสร้าง Content ที่มีการ engage ระหว่าง User กับ User โต้ตอบกันเอง ตัวอย่างเช่น การเขียน Blog โต้ตอบกันได้ การแชร์รูภาพ การใช้งาน Wiki ทั้งจากเจ้าของเว็บไซต์ หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ และ google ที่มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง (Two Way Communication) และใช้งานมายยาวนานจนถึงปัจจุบัน
Web 3.0: Read-Write-Own
Web 3.0 นับว่าเป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากแนว Decentralization ไม่นานหลังจาก Ethereum เปิดตัวในปี 2014 Gavin ได้กล่าวถึงวิธีแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ crypto ในยุคแรกๆ หลายคนรู้สึกว่า: อินเทอร์เน็ตต้องการความไว้วางใจมากเกินไป กล่าวคือ อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ที่ผู้คนรู้จักและใช้งานในปัจจุบันนั้นอาศัยการไว้วางใจบริษัทใดบริษัทหนึ่งในการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์แก่ผู้ใช้งานสาธารณะที่ดีที่สุด ผู้ให้เข้าใจง่ายๆก็คือไม่มีความเป็น Decentralized นิยามของ Web3 คือ การอ่าน-เขียน-และเป็นเจ้าของ แก่นของ Web3 ใช้บล็อคเชน คริปโตเคอเรนซี่ และ NFT เพื่อกระจายอำนาจสิทธิ์การเป็นเจ้าของสู่ผู้ใช้งาน เป็นเว็บในยุคอนาคตที่มีการพัฒนาการต่อจากเว็บ 2.0
สิ่งหนึ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในยุค Web 3.0 คือ การแก้ไขปัญหาของข้อมูลหรือ Content ที่ไม่มีคุณภาพต่างๆ และพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลในเว็บให้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้อหาของเว็บได้ดีขึ้นและตรงตามความต้องการ
ประโยชน์ของ web3.0
นักพัฒนา Web3 หลายคนเลือกที่จะสร้าง dapps เนื่องจาก ความเป็น decentralization Ethereum
- ใครก็ตามที่อยู่ในเครือข่ายได้รับอนุญาตให้ใช้บริการ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาต
- ไม่มีใครสามารถบล็อกคุณหรือปฏิเสธการเข้าถึงบริการของคุณได้
- สามารถใช้จ่ายผ่าน token ของ Ethereum
- ถ้าหาก Ethereum นั้นสมบูรณ์แบบหมายความว่าคุณสามารถตั้งโปรแกรมอะไรก็ได้ทั้งนั้น
สิทธิความเป็นเจ้าของ
Web3 ให้คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณกำลังเล่นเกมบน web2 แล้วคุณซื้อไอเท็มในเกม ไอเท็มนั้นจะผูกกับบัญชีของคุณโดยตรง หากผู้สร้างเกมลบบัญชีของคุณ คุณจะสูญเสียรายการเหล่านี้ หรือหากคุณหยุดเล่นเกม คุณจะสูญเสียมูลค่าที่คุณลงทุนในไอเท็มในเกม
แต่ใน Web3 นั้นอนุญาตให้คุณเป็นเจ้าของสินทรัพย์ทุกอย่างของคุณโดยตรงผ่านโทเค็น (NFTs) ไม่มีใคร มีอำนาจที่จะแย่งชิงความเป็นเจ้าของของคุณแม้แต่ผู้สร้างเกมหรือระบบ และหากคุณหยุดเล่น คุณสามารถขายหรือแลกเปลี่ยนไอเท็มในเกมของคุณในตลาดและสามารถแลกเปลี่ยนได้
แก่นไอเดียของ Web3
- Web3 มีความเป็น decentralized แทนที่จะถูกควบคุมและเป็นเจ้าของโดยหน่วยงานที่เป็นศูนย์รวม ความเป็นเจ้าของเว็บเซิฟเวอร์หรือแหล่งเก็บข้อมูลเดียว Web3 จะกระจายไปในหมู่ผู้สร้างและผู้ใช้ ในการรวมกันเป็นเจ้าของและการเข้าถึง
- ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงอย่างเท่าเทียมกันเพื่อเข้าใช้งาน Web3 และไม่มีใครถูกกีดกัน
- Web3 ใช้สกุลเงินดิจิทัลสำหรับการใช้จ่ายและส่งเงินออนไลน์ แทนที่จะใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัยอย่างธนาคารที่เป็น Centralized
- Web3 ขับเคลื่อนโดย Blockchain, Machine Learning (ML), Big Data, AI ทำงานกันแบบ incentives และ economic mechanisms ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการเพิ่มความน่าเชื่อถือ
อนาคตของ Decentralized
Web3 เปรียบเสมือนระบบนิเวศใหม่ที่มีการพัฒนาขึ้น Gavin Wood เป็นผู้กำหนดคำศัพท์นี้ขึ้นในปี 2014 แต่แนวคิดมากมายเหล่านี้เพิ่งจะกลายเป็นความจริงเมื่อไม่น่ามานี้ ในปีที่แล้วเพียงอย่างเดียว มีความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก และ เกิดการปรับปรุงโซลูชัน layer2 ที่ถูกพตนาต่อมาจาก ฺblockchain ของ Ethereum การทดลองครั้งใหญ่ด้วยรูปแบบการกำกับดูแลรูปแบบใหม่ และจะทำให้เกิดการปฏิวัติในวงการโลกดิจิทัลยุคถัดไปเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสร้างอินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้นด้วย Web3 เท่านั้น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่จะถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราจะมีอินเทอร์เน็ตที่มั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น