เลือก Influencer สายไหนดี แตกต่างตาม Tier ยังไงให้เหมาะกับแบรนด์คุณ

Influencer สายไหนดี

อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก อยากเพิ่มยอดขาย และสร้างความน่าเชื่อถือในเวลาอันรวดเร็ว? ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing) คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในยุคดิจิทัลนี้ แต่ท่ามกลางอินฟลูเอนเซอร์มากมายเต็มไปหมด คำถามสำคัญที่เจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะ SME มักจะเจอคือ…เราควรจะเลือก influencer สายไหนดี ควรทุ่มงบจ้างดาราเบอร์ใหญ่ทีเดียวให้ปัง หรือกระจายงบจ้างคนตัวเล็กๆ หลายคนจะคุ้มค่ากว่ากัน? วันนี้เราจะมาเจาะลึก ประเภท Influencer ที่แบ่งตามระดับ หรือ Tier เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับแบรนด์ งบประมาณ และเป้าหมายทางการตลาดของคุณที่สุดครับ

Influencer Tier คืออะไร

Influencer Tier คืออะไร ให้เข้าใจง่ายที่สุด มันคือการจัดระดับหรือหมวดหมู่ของอินฟลูเอนเซอร์ โดยใช้ “จำนวนผู้ติดตาม” (Follower Count) เป็นเกณฑ์ในการแบ่งเบื้องต้น การแบ่ง Tier Influencer นี้เปรียบเสมือน “แผนที่” ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถประเมินขอบเขตการเข้าถึง (Reach) ตั้งงบประมาณ และวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการร่วมงานกับอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนได้ง่ายขึ้น ซึ่งการรู้ว่าใครอยู่ Tier ไหน คือก้าวแรกของการตัดสินใจเลือกคนที่ใช่สำหรับแบรนด์ของคุณ

Influencer สายไหนดี

เจาะลึก! ประเภท Influencer 4 Tiers ที่ต้องรู้จัก

โดยทั่วไปแล้ว Influencer tiers ไทย สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับหลักๆ ซึ่งแต่ละระดับมีพลังและข้อดีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ขอบคุณข้อมูล | Packhai ระบบ OMS และ WMS

1. Nano Influencer (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน)

Nano Influencer คือ กลุ่มคนทั่วไปที่มีความชื่นชอบในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแท้จริง และสร้างคอนเทนต์แบ่งปันเรื่องราวนั้นๆ กับกลุ่มเพื่อนหรือผู้ติดตามขนาดเล็กที่ใกล้ชิด พวกเขาไม่ใช่คนดัง แต่เปรียบเสมือน “เพื่อนสนิทที่น่าเชื่อถือ” ที่มาป้ายยาสินค้าดีๆ พลังของพวกเขาอยู่ที่ความ “จริงใจ” และ “ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด” กับผู้ติดตาม ทำให้ทุกคำแนะนำของพวกเขามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือสูงมาก เหมาะอย่างยิ่งกับแคมเปญที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในกลุ่มตลาดเฉพาะ (Niche Market) ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ทำให้แบรนด์สามารถทำงานร่วมกับ Nano Influencer หลายๆ คนพร้อมกันเพื่อสร้างกระแสแบบปากต่อปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. Micro Influencer (ผู้ติดตาม 10,000 – 100,000 คน)

Micro Influencer คือ กลุ่มคนที่ยกระดับจากความชอบมาสู่ความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างชัดเจน เช่น บิวตี้บล็อกเกอร์สายสกินแคร์, นักรีวิวคาเฟ่, หรือกูรูด้านการลงทุน พวกเขามีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นและติดตามเพราะความรู้ความเชี่ยวชาญนั้นๆ Micro Influencer จึงถูกยกให้เป็น “จุดที่ลงตัวที่สุด” (Sweet Spot) ระหว่างการเข้าถึง (Reach) และการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่สูง รีวิวจากพวกเขาเปรียบเสมือนการการันตีคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เป็น สาย Influencer ที่แบรนด์นิยมใช้มากที่สุด เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมทั้งในแง่ของการสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายโดยตรง

3. Macro Influencer (ผู้ติดตาม 100,000 – 1,000,000 คน)

Macro Influencer คือ กลุ่มคนดังในโลกออนไลน์, Youtuber ที่มีชื่อเสียง, หรือบุคคลที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พวกเขาสามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างมืออาชีพและมีอิทธิพลในการสร้างกระแสในสังคมได้ พลังของพวกเขาคือ “การเข้าถึงในวงกว้าง” (Broad Reach) การร่วมงานกับ Macro Influencer สามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ให้กับแบรนด์หรือสินค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะอย่างยิ่งกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ต้องการให้เป็นที่รู้จักในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและอัตรา Engagement ที่อาจไม่ใกล้ชิดเท่ากลุ่ม Micro

4. Mega Influencer (ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป)

Mega Influencer คือ กลุ่มบุคคลสาธารณะระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง นักแสดง หรือนักกีฬาชื่อดัง พวกเขาเปรียบเสมือนสื่อขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยได้ พลังของพวกเขาคือ “การสร้างการรับรู้ในระดับมหาศาล” (Mass Awareness) การมี Mega Influencer มาเป็นพรีเซนเตอร์สามารถสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้ในทันที เหมาะกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในตลาด อย่างไรก็ตาม การร่วมงานกับพวกเขามีค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุด และผู้ติดตามอาจมีความหลากหลายมากเกินไปจนอาจไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าบางชนิด

เลือก Influencer แบบไหนดี ให้เหมาะกับเป้าหมายและงบประมาณ

การจะตอบว่าควร เลือก Influencer แบบไหนดี นั้น ขึ้นอยู่กับ “เป้าหมาย” ของแคมเปญคุณเป็นหลัก

  • ถ้าเป้าหมายคือ “สร้างการรับรู้แบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง” การเลือกใช้ Macro หรือ Mega Influencer คือคำตอบ เพราะพวกเขาสามารถกระจายข่าวสารแบรนด์ของคุณไปสู่สายตาคนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
  • ถ้าเป้าหมายคือ “สร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นยอดขาย” Nano และ Micro Influencer คืออาวุธลับที่ดีที่สุด โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจ SME เพราะรีวิวของพวกเขามีความจริงใจสูง ผู้ติดตามเชื่อและพร้อมที่จะซื้อตาม ทำให้มีอัตราการเปลี่ยนเป็นยอดขาย (Conversion Rate) ที่สูงกว่า
  • ถ้ามี “งบประมาณจำกัด” แต่อยากได้ผลลัพธ์ที่ดี กลยุทธ์การใช้ Nano Influencer หลายๆ คน (เช่น 10-20 คน) หรือ Micro Influencer 2-3 คน จะคุ้มค่าและสร้างแรงกระเพื่อมได้ดีกว่าการทุ่มงบทั้งหมดไปกับ Macro Influencer เพียงคนเดียว

 

สรุป เลือกอินฟลูฯ ที่ใช่ ต่อยอดด้วยหลังบ้านที่พร้อม

การเลือก influencer สายไหนดี ไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่กุญแจสำคัญคือการเลือกให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการตลาดและงบประมาณของคุณ เมื่อคุณเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่และแคมเปญของคุณประสบความสำเร็จ ออเดอร์ก็จะทะลักเข้ามา และนี่คือบททดสอบต่อไป คุณพร้อมที่จะจัดการออเดอร์เหล่านั้นแล้วหรือยัง? ความสำเร็จทางการตลาดของคุณอาจกลายเป็นหายนะด้านการบริการลูกค้าได้ในทันทีหากหลังบ้านของคุณไม่พร้อม

นี่คือคำถามสำคัญที่แบรนด์ต้องตอบให้ได้ ระบบหลังบ้าน เจ้าไหนดี ที่จะมารองรับออเดอร์มหาศาลนี้ได้? บริการ Packhai Fulfillment Service คือคำตอบ ในขณะที่คุณกำลังวางแผนแคมเปญการตลาด เราจะดูแลหลังบ้านทั้งหมดให้คุณ ตั้งแต่การเก็บสินค้า แพ็กอย่างมืออาชีพ และจัดส่งถึงมือลูกค้าของอินฟลูเอนเซอร์อย่างรวดเร็วและประทับใจ เพื่อให้แน่ใจว่ากระแสดีๆ ที่เกิดขึ้นจะถูกปิดท้ายด้วยประสบการณ์ลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและนำไปสู่การซื้อซ้ำในที่สุด

อ้างอิง | Packhai.com/influencer-tiers

อัพเดทประเภทของ Influencer มีกี่สายอาชีพ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *